วันที่นำเข้าข้อมูล 20 ส.ค. 2568
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 21 ส.ค. 2568
เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๘ นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ ๑๒ ได้นำคณะผู้เข้าร่วมหลักสูตรฝึกอบรมนักบริหารการแพทย์และสาธารณสุขระดับสูง (นบส.สธ.) รุ่นที่ ๔๑ จำนวน ๔๕ ท่าน เข้าเยี่ยมคารวะ นายเสก นพไธสง กงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู
โอกาสนี้ กงสุลใหญ่ฯ ได้ให้การต้อนรับคณะและบรรยายสรุปในหัวข้อ “ความสัมพันธ์ไทย - จีน ในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน และมิติความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในภาคตะวันตกของจีน” โดยเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศซึ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา พร้อมทั้งชี้ให้เห็นโอกาสและศักยภาพของพื้นที่ฝั่งตะวันตกของจีน โดยเฉพาะนครเฉิงตูและนครฉงชิ่ง ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีบทบาทสำคัญในยุทธศาสตร์การพัฒนาและเชื่อมโยงในภูมิภาคจีน
กงสุลใหญ่ฯ ยังได้กล่าวเน้นย้ำถึงโอกาสในการเชื่อมโยงการค้าผ่านเส้นทางในระเบียงการค้าเชื่อมทางบกกับทางทะเลสายใหม่ (International Land–Sea Trade Corridor : ILSTC) ซึ่งเป็นเส้นทางโลจิสติกส์สำคัญเชื่อมโยงภาคตะวันตกของจีนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านทางรถไฟและทางเรือโดยนครเฉิงตูและนครฉงชิ่งถือเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมและโลจิสติกส์ของโครงการนี้ ทำให้สามารถขนส่งสินค้าจากไทยเข้าสู่ตลาดจีนตะวันตกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถส่งต่อไปยังภูมิภาคเอเชียกลาง รัสเซีย และยุโรป ได้อีกด้วย ซึ่งไม่เพียงเอื้อต่อการค้าสินค้าเกษตร อาหาร และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสต่อยอดสู่อุตสาหกรรมด้านการแพทย์ การสาธารณสุข และบริการที่เกี่ยวข้องของไทย เช่น การส่งออกอุปกรณ์การแพทย์ เวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ตลอดจนการแลกเปลี่ยนบุคลากรและองค์ความรู้ด้านการรักษาพยาบาลและสาธารณสุข
นอกจากนี้ นครเฉิงตูยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยด้านชีวเวชภัณฑ์ที่สำคัญของจีน โดยมีโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศด้านนวัตกรรมครบวงจร ทั้งสถาบันวิจัย โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่พร้อมรองรับความร่วมมือกับไทย ในขณะที่นครฉงชิ่งมีบทบาทสำคัญในฐานะเมืองอุตสาหกรรมและศูนย์กลางการผลิตที่สามารถเป็นพันธมิตรด้านการผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์สมัยใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถยกระดับความสามารถการแข่งขันในอุตสาหกรรมการแพทย์และสาธารณสุขได้อย่างเป็นรูปธรรม
ศักยภาพของมณฑลเสฉวนและนครฉงชิ่งที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเชื่อมโยงศักยภาพของไทยเข้ากับโอกาสในตลาดจีนตะวันตก โดยอาศัยจุดแข็งด้าน Connectivity ของภูมิภาค และต่อยอดสู่ความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการพัฒนาระบบสาธารณสุขร่วมกัน
รูปภาพประกอบ