การสมรสระหว่างคนไทยด้วยกัน
การขอจดทะเบียนสมรสผู้ที่จะทำการสมรสทั้งสองฝ่ายจะต้องยื่นคำร้องด้วยตนเองที่สถานกงสุลใหญ่ฯ เนื่องจาก คู่สมรสต้องลงลายมือชื่อต่อหน้านายทะเบียน และพยาน 2 คน โดยผู้ขอจดทะเบียนสมรสจะต้องเตรียมเอกสารของผู้ร้องทั้งสองฝ่ายตามที่ระบุดังต่อไปนี้มาให้ครบถ้วน
- คำร้องขอนิติกรณ์ (ขอรับได้ที่สถานกงสุลใหญ่ฯ)
- คำร้องขอจดทะเบียนสมรส (ขอรับได้ที่สถานกงสุลใหญ่ฯ หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มคำร้อง)
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือบัตรเหลืองติดรูปถ่าย หรือหนังสือรับรองบุคคลติดรูปถ่าย หรือ ใบต้นขั้วคำร้องขอมีบัตรประชาชน มีตรารับรองจากอำเภอ หรือเอกสารรับรองบุคคลออกโดยกรมการปกครอง
- สำเนาทะเบียนบ้านไทย
- หนังสือเดินทางตัวจริง
- ใบเปลี่ยนชื่อหรือใบเปลี่ยนนามสกุล หากเคยเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล
- หากเคยจดทะเบียนสมรสหรือหย่า กรุณาเตรียมสำเนาทะเบียนสมรสหรือทะเบียนหย่าไทยมาด้วย กรณีที่จะสมรสใหม่ได้ต่อก็ต่อเมื่อการสมรสครั้งก่อนสิ้นสุดไปแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่ คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น สมรสกับคู่สมรสเดิม มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือศาลมีคำสั่งให้สมรสได้
- หากมีบุตรด้วยกัน กรุณาเตรียมสำเนาสูติบัตรบุตรมาด้วย
- รูปถ่ายสี ขนาด 3 x 4 ซ.ม. 1 รูป
- พยาน 2 คน กรุณาเตรียมสำเนาเอกสารตามข้อ 3 – 5 มาด้วย
หมายเหตุ
- การจดทะเบียนสมรสไม่มีค่าธรรมเนียม
- ตามกฎหมายใหม่ เมื่อสมรสแล้ว ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายสามารถเลือกใช้นามสกุลได้ ดังนี้
• คงใช้นามสกุลเดิมทั้งสองฝ่าย
• ฝ่ายหญิงใช้นามสกุลตามฝ่ายชาย
• ฝ่ายชายใช้นามสกุลตามฝ่ายหญิง
• ฝ่ายหญิงใช้นามสกุลฝ่ายชาย ฝ่ายชายใช้นามสกุลฝ่ายหญิง
- เอกสารทุกอย่างต้องออกให้ภายใน 3 เดือน นับถึงวันที่มายื่น
- การจดทะเบียนสมรสจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 17 ปีบริบูรณ์ ในกรณีอายุ 17 -19 ปี ต้องนำบิดา มารดา หรือผู้ปกครองมาให้ความยินยอมด้วย ส่วนผู้ที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง
- กรณีที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลให้ทำการสมรสได้
- ตามพระราชบัญญัติชื่อบุคคล ภายหลังการสมรสแล้ว คู่สมรสมีสิทธิเลือกใช้ชื่อสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามที่ตกลงกัน หรือต่างฝ่ายต่างคงใช้ชื่อสกุลเดิมของตนได้ โดยให้แจ้งต่อนายทะเบียนทราบ
- ในบางกรณีสถานกงสุลใหญ่ฯ อาจขอเอกสารจำเป็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วย