#ส่งเสริมเครื่องสำอางไทยในตลาดจีนตะวันตก #Mistine

       เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.30 น. สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู ร่วมกับบริษัท มิสทีน จำกัด สำนักงานเมืองหางโจว จัดโครงการแสวงหาโอกาสและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยในมณฑลเสฉวน ณ โรงแรม Kempinski นครเฉิงตู เพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยในกลุ่มผู้แทนบริษัทด้านความงามและกลุ่มผู้บริโภคในเขตอาณา 

       นางสาววรมน สินสุวรรณ รองกงสุลใหญ่ รักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู เป็นประธานในพิธีเปิด ให้ข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของเครื่องสำอางไทย โอกาสและความท้าทายของเครื่องสำอางไทยในจีน กระแสการดูแลตัวเองในด้านความงามในกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย และความนิยมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของไทยในกลุ่มประเทศอาเซียน กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยการบรรยายสรุปพัฒนาการการดำเนินธุรกิจ การลงทุน การจัดจำหน่าย การเลือกใช้พรีเซนเตอร์ในการทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ของมิสทีนในจีน และแนะนำผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของมิสทีน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพและความงามจากบริษัท มิสทีน จำกัด ได้ถ่ายทอดเทคนิคการแต่งหน้าและแนะนำเครื่องสำอางมิสทีนที่มีจำหน่ายในตลาดจีน นอกจากนี้ สถานกงสุลใหญ่ยังจัดกิจกรรมถ่ายรูปผู้เข้าร่วมโครงการเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์โครงการบนแพลตฟอร์มออนไลน์จีนของผู้เข้าร่วมโครงการ อาทิ Wechat, weibo ฯลฯ ต่อไป

      บริษัทมิสทีนก่อตั้งเมื่อปี 2531 และเมื่อปี 2537 เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ทำยอดขายสูงสุดในไทย ต่อมาปี 2559 ได้เข้าตลาดจีน โดยเปิดร้านบนแพลตฟอร์ม T-mall ของจีน และต่อมาในปี 2560 ได้ตั้งบริษัทสาขา

ที่นครเซี่ยงไฮ้ และเมืองหางโจว และวางจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในจีน ปัจจุบันมีวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Douyin, Kuaishou, Taobao, T-mall ฯลฯ เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยและจีนเสมอมา ได้รับรางวัลการันตีในสาขาผลิตภัณฑ์ความงาม และได้จัดตั้งศูนย์วิจัย Mistine ไทย-จีนที่วิจัยเทคโนโลยีกันแดดโดยใช้สมุนไพรไทยกับเทคโนโลยีสมัยใหม่

       การจัดกิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 50 คน ประกอบด้วย ผู้ประกอบการ นักเรียนนักศึกษา KOL ผู้แทนสถานกงสุลใหญ่ในนครเฉิงตู ผู้แทนบริษัทด้านความงาม และกลุ่มผู้บริโภคในเขตอาณาที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทย ทั้งนี้ จากความสำเร็จของการดำเนินโครงการในครั้งนี้ คาดว่าทำให้เครื่องสำอางไทยเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมของชาวจีนมากขึ้น โดยเฉพาะชาวนครฉงชิ่งและมณฑลเสฉวน และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู จะใช้โอกาสต่าง ๆ ช่วยส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าผลิตภัณฑ์ไทยต่อไป