เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 นางสาววรมน สินสุวรรณ รองกงสุลใหญ่ รักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ ได้ร่วมกล่าวในการประชุม 2022 Western International Port and Logistics Opening-Up and the New International Land-Sea Trade Corridor High-Quality Development Forum ที่นครเฉิงตู โดยมีนายหยางชิงผิง รองผู้ว่าการมณฑลเสฉวน และผู้แทนจากสำนักงานท่าเรือและโลจิสติกส์มณฑลเสฉวนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนเข้าร่วมจำนวนมาก
ในโอกาสดังกล่าว ไทยได้ย้ำความสำคัญของระเบียงการค้าเชื่อมทางบกและทางทะเลระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเส้นทางโลจิสติกส์ลักษณะหลากหลายรูปแบบ เชื่อมต่อกับข้อริเริ่มเส้นทางสายไหมทางภาคเหนือ เส้นทางสายไหมทะเลศตวรรษที่ ๒๑ ทางตอนใต้ รวมถึงเส้นทางเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซี ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปถึงอาเซียน ระเบียงการค้าฯ จึงไม่เพียงเสริมสร้างศักยภาพด้านโลจิสติกส์ของเมืองต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง แต่ยังช่วยเพิ่มช่องทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับภูมิภาคอื่น ๆ รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาภายใต้นโยบายเศรษฐกิจวงจรคู่ของรัฐบาลจีน และข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมตามเส้นทางระเบียงการค้าฯ จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการขนส่ง โดยเฉพาะกับเมืองที่อยู่ห่างไกล นอกจากนี้ ยังเป็นตัวเลือกสำหรับเส้นทางลำเลียงสินค้าและการเปิดกว้างสู่ภายนอก ที่ทำให้ชาวจีนมีโอกาสได้บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพและสดใหม่จากไทย โดยเฉพาะผลไม้ไทย โดยสามารถลดเวลาและต้นทุนค่าขนส่งเข้าสู่ตอนกลางและภาคตะวันตกของจีน รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายคมนาคมขนส่งส่งออกสินค้าไปสู่ภูมิภาคอื่น เช่น อาเซียน ยุโรป เอเชียกลาง เป็นต้น
นอกจากนี้ ไทยยังให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อระบบรางอย่างไร้รอยต่อ โดยเฉพาะรถไฟจีน-ลาวและรถไฟไทย-จีน ซึ่งการขนส่งทางรางมีข้อได้เปรียบในการประหยัดน้ำมันและแรงงานคนขับ ควบคุมความเสี่ยงตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ได้ง่าย รวมถึงเลี่ยงความเสียหายจากการจราจรที่แออัดบริเวณด่านรถบรรทุก ทำให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายต่ำกว่าในการกระจายสินค้าในระยะไกล และหากสามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางระเบียงการค้าฯ เข้ากับรถไฟไทย-จีนก็จะสามารถเชื่อมต่อไปยังมาเลเซียได้ ซึ่งจะช่วยขยายโครงข่ายคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์